การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน” เป็นประโยคคุ้นหู ที่เรามักได้ยินเสมอๆ เมื่อทำการที่จะลงทุน เป็นการย้ำให้เราตระหนักว่า การลงทุนทุกครั้งนั้นมีความเสี่ยง แต่ทว่า… หลายๆคนไม่รู้เลยว่าการไม่ลงทุนนั้นมีความเสี่ยงเช่นกัน
ความเสี่ยงที่ 1 เงินเฟ้อ
หนึ่งในเรื่องเล่า ของคนรุ่นคุณปู่ คุณย่า ที่ชอบเล่ากันติดปากคือการกินข้าวแกงจานละ 5 บาท 10 บาท ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าได้เป็นไปไม่ได้ ข้าวแกงจานละ 20-30 บาท ก็เป็นของหายากแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ
เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งต่างๆมีราคาแพงขึ้น อันเนื่องมาจากเงินเฟ้อ
ดังนั้นหากเงินเก็บของเราเพิ่มขึ้นช้ากว่าเงินเฟ้อ ก็เท่ากับว่าเงินของเรานั้นกำลังมีมูลค่าลดลงอยู่นั่นเอง
ความเสี่ยงที่ 2 ธนาคารล้มละลาย
ในยุคปัจจุบันนี้ หลายคนตั้งใจ ทำงาน เก็บเงิน เอาไว้ใช้ในยามเกษียณ โดยฝากไว้กับธนาคาร ด้วยความรู้สึกปลอดภัย ว่าเมื่อใดที่ต้องการใช้เงินนั้น จะสามารถนำมาใช้ได้ตลอดเวลา แต่ทว่า… คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า ธนาคารล้มละลายได้
เมื่อธนาคารนั้นล้มละลายได้ นั่นย่อมแปลว่า มีโอกาสที่จะไม่ได้รับเงินต้นคืน!!
!! แต่เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งตกใจรีบไปถอนเงินมา เพราะรัฐบาลนั้นรับประกันเงินเงินฝากให้ประชาชนธนาคารละ
1 ล้านบาท นั่นหมายความว่า ถ้าเรามีเงินในบัญชีไม่ถึง 1 ล้าน
หากธนาคารล้มละลาย รัฐบาลจะชดใช้เงินนั้นคืนให้ แต่หากว่า เราตั้งใจเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณเงินที่ฝากไว้คงเป็นจำนวนเงินหลายล้าน เงินส่วนที่เกินกว่า 1 ล้านบาทนั้นจัดได้ว่ามีความเสี่ยง!!
ความเสี่ยงที่ 3 ดอกเบี้ยเงินฝากนั้นเสียภาษี 15%
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แทบจะไม่ทำให้เงินในบัญชีเติบโต นั้นเสียภาษีถึง 15% เช่น ถ้าเรามีเงินฝาก 100,000 บาท ถ้าฝากประจำ 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 0.5% จะทำให้เราได้ดอกเบี้ย 500 บาท แต่เงิน 500 บาทนี้จะถูกหักภาษี 15% เหลือดอกเบี้ยที่ได้รับเพียง 425 บาทเท่านั้น
แต่ทว่าในโลกของการลงทุนนั้นมีการลงทุนหลายอย่างที่ได้รับการยกเว้นภาษี เช่นลงทุนในตลาดหุ้น ลงทุนในกองทุนรวม
ดังนั้นนี้จึงกล่าวได้ว่า “การไม่ลงทุนนั้นมีความเสี่ยง”